ในตอนที่แล้วไว้พูดไว้ว่าเด็กๆ
นั้นมีไท้เก็กที่ดีอยู่แล้ว
เราแค่พยายามรักษาส่วนดีที่ติดตัวเขามาตามธรรมชาติให้อยู่กับเขาไปนานๆ และนำส่วนดีนั้นๆ มาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ในตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า ส่วนดีที่พูดถึงนั้นมีอะไรบ้าง
ความอ้วนกลมของเด็กก็คือส่วนดีในการรำไท้เก็ก เหล่าซือของผมเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านฝึกไท้เก็กใหม่ๆ
ท่านถามอาจารย์ของท่านว่าทำอย่างไรถึงจะเก่ง
อาจารย์ของท่านตอบกลับมาว่า
ลื้อไม่ต้องฝึกอะไรมากหรอกเพราะหุ่นลื้อมันให้อยู่แล้ว ใช่เลย...
เหล่าซือผมเป็นคนอ้วนกลม
ไม่ต้องฝึกอะไรมากก็เก่งอยู่แล้ว
เวลาผมฝึกผลักมือกับเหล่าซือก็มักจะเสียท่าแบบง่ายๆ เพราะความที่ท่านกลม ทำให้ผมผลักไม่ค่อยถูกจุดสำคัญ พอท่านออกแรงเพียงนิดหน่อยก็ทำให้ผมเสียหลักได้ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไม ความอ้วนกลมของเด็กนั้นคือส่วนดีในการรำไท้เก็ก
แขนขาที่ยังไม่แข็งแรงก็เป็นอีกข้อที่ดีสำหรับการฝึกไท้เก็ก
โดยธรรมดาแล้วผู้ใหญ่ส่วนมากที่เริ่มฝึกนั้นจะต้องพยายามลดความแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อแขน
ขา และฝ่ามือลง เพื่อทำชี่เคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น
เคลื่อนไหวไม่แข็งเกร็ง มีความยืดหยุ่นสูง เปลี่ยนแปลงท่วงท่าได้ง่าย
ซึ่งกว่าจะฝึกได้ตามที่กล่าวมานี้ต้องใช้เวลากันเป็นปี พอทำให้แขนขาอ่อนแล้วยังต้องฝึกการเคลื่อนกำลังจากท้องน้อยอีก คราวนี้หลายปีเลย แต่ในเด็กเล็กๆ
นั้นแทบไม่ต้องฝึกส่วนนี้เลย เพราะแขนขาและการเคลื่อนพลังเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เด็กไม่ต้องฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ไม่ต้องฝึกการเคลื่อนไหวในท่าทางที่ถูกต้องเพื่อให้ชี่วิ่งได้ดี ความยืดหยุ่นก็มีสูงอยู่แล้ว ส่วนการเคลื่อนพลังนั้นเนื่องจาก
เด็กยังไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากนัก เวลาทำอะไรก็ต้องทุมแรงจากทั้งตัว ทำให้ส่วนท้องน้อยและลำตัวออกแรงมากที่สุด
ให้ลองสังเกตเวลาที่เด็กต้องดันของอะไรซักอย่างที่มีน้ำหนักมากๆ จะเห็นได้ชัดว่าเขาออกแรงส่วนใดบ้าง หรือถ้าเป็นเด็กอายุก่อนสามเดือนจะเห็นได้ชัดเวลาที่เขาขยับตัวว่า เขาออกแรงจากส่วนใดบ้างของร่างกาย นั่นแหละคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ฝึกรำไท้เก็กกันเพื่อให้ได้ลักษณะการออกแรงแบบนั้น
การตอบสนองต่อวัตถุที่มากระทบก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ดี
เพราะถ้าเป็นผู้ใหญ่มีวัตถุอะไรบางอย่างวิ่งเข้ามาหาก็มักจะจับหรือหยุดการเคลื่อนไหวนั้นด้วยกำลัง แต่สำหรับเด็ก
ร่างกายที่ไม่ได้มีกำลังไปหยุดทุกสิ่งอย่างก็จะมีการตอบสนองแบบยอมรับ
และอ่อนตามกำลังของวัตถุนั้นๆ
ซึ่งเป็นหลักการเบื้องต้นของการฝึกไท้เก็ก
จากข้อดีหลายๆ ข้อที่กล่าวมา
จึงเห็นควรให้ลูกน้อยได้เรียนรู้หลักการใช้พลังของไท้เก็กตั้งแต่เด็กๆ เพราะถ้าเรารอไปจนอายุ 60
70 แล้วละก็... คงนึกไม่ออกแล้วว่าตอนเด็กๆ ออกแรงผลักของอย่างไร
ครูฤทธิ์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น