ตอนที่1 ก่อนตัวเลข
อันอัน เท่ากับ สองอัน
อันนั้น อันนี้ อันโน้น เอาอันนี้ไหม จะเอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้
คำว่า “อัน”
มักถูกใช้เรียกก่อนที่เด็กจะรู้จักชื่อของสิ่งนั้นๆ จนกว่าจะจำชื่อต่างๆ ได้ คำว่าอันจึงใช้น้อยลง
และหันมาเรียกชื่อของสิ่งนั้นโดยตรง เช่น ทาโร่ โค้ก ไอติม ป๊อกกี้
ช็อคโกแล็ต ซึ่งถ้าเรานำของเหล่านี้มาวางเรียงกันแล้วให้เด็กเล็กๆ
เลือก เขาก็จะชี้ไปที่ของสิ่งนั้นแล้วบอกว่า
อันนี้ เอาอันนี้ เอาอันนั้น คำว่า “อัน” จึงถูกนำมาใช้มากในเด็กเล็กๆ
พอโตขึ้นมาหน่อยอันเดียวเริ่มไม่พอ เด็กเริ่มร้องเอาอีกๆ แม่เลยถามว่า “เอากี่อัน” มีคำว่ากี่เพิ่มเข้ามา แรกๆ
เด็กไม่เข้าใจแม่จะมีคำตอบให้เลือก เช่น เอาหนึ่งหรือสองอัน คราวนี้ยิ่งงงเข้าไปอีก แม่ถามต่อว่า
หนึ่งหรือสอง พร้อมกับชูของให้ดู
พอมีของให้เลือกก็เหมือนกับวิธีการที่เด็กเคยเรียนรู้ว่ามีของให้ชี้แล้วบอกว่า
เอาอันนี้ เขาก็จะได้ของ
แม่จึงยืนของให้พร้อมกับพูดว่า สอง
เหล่านี้พอทำบ่อยๆ เข้าจึงเริ่มรู้ความหมายของคำว่า “หนึ่ง สอง”
สัญลักษณ์ตัวเลขนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องของนามธรรม ดังนั้นเพื่อให้มีความเข้าใจในตัวเลขแต่ละตัวโดยมากแล้วเด็กต้องมีประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมก่อนจึงจะเข้าใจสัญลักษณ์ต่างๆ ได้
ซึ่งแต่ละคนก็มีประสบการณ์ในเรื่องของรูปธรรมไม่เท่ากัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเด็กเรียนคณิตศาสตร์แล้วบางคนเข้าใจได้เร็ว
บางคนต้องทำความเข้าใจอยู่นานพอสมควรจึงเข้าใจได้
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยเปียโนนั้น
ทำให้เด็กได้เรียนรู้อยู่บนรูปธรรม
เห็นของเหมือนๆ กัน (คีย์เปียโน)
ได้นับเลข
ได้เห็นจำนวนที่เป็นรูปธรรม
เวลานับก็มี Reaction คือเสียงของคีย์ต่างๆ ทำให้การเรียนคณิตศาสตร์น่าสนุกมากขึ้น และเข้าใจได้ง่าย
ดังนั้น
เมื่อเด็กได้พบกับ อัน อัน และ
เอากี่อันแล้ว
ลำดับต่อไปเราอาจให้เขาลองพบกับคำว่า เปียโน และ คีย์เปียโน
เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ก่อนพบกับสัญลักษณ์ทางตัวเลขอันแสนเข้าใจยากในลำดับต่อไป
ครูฤทธิ์ จิตพัฒฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น